วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

Bakemonogatari

Bakemonogatari 

ปกรณัมของเหล่าภูต


    ถึงคุณจะไม่เคยดูอนิเมะแต่เชื่อว่าน่าจะเคยเห็นคนกล่าวถึงในช่องพูดคุยของเกมออนไลน์, เว็บบอร์ด หรือ Facebook ถึงน้องปู (ไม่ใช่นายก), น้องงู, น้องแมวกันบ้างล่ะ บางคนมาเริ่มดู Nisemonogatari ภาคใหม่ที่ฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา คงจะมึนกับเนื้อเรื่องที่มีแฟนเซอร์วิสกันต่อเนื่อง 4 ตอน จนสงสัยว่าเมื่อก่อนเรื่องนี้ดังได้อย่างไร ? จะหามาดูก็มีลิขสิทธิ์ไปแล้ว ก่อนจะเริ่มเรื่องราวของ Nisemonogatari ขอย้อนไปถึง Bakemonogatari กันก่อนว่ามีที่มาอย่างไร
 กระแสของ Bakemonogatari (ย่อๆ)
    เรื่องนี้จัดอยู่ในกลุ่มนิยายสำหรับวัยรุ่น (Light Novel) แต่งเรื่องโดยนิชิโอะ อิชชิน (NisiOIsin) และวาดภาพประกอบโดย Vofan (ชาวไต้หวัน) เริ่มวางจำหน่ายซีรีส์ Monogatari ตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปัจจุบัน โดยกำหนดจบไว้จำนวน 15 เล่ม สำหรับเรื่อง Bakemonogatari นั้น เป็นชื่อเรื่องที่ผสมระหว่าง Bakemono (ภูติผี) และ Monogatari (ตำนาน, เรื่องเล่า, เทพนิยาย) ผสมกัน (ตัดคำว่า Mono ไปคำนึง) สไตล์เรื่องค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์หน่อย คือ ผสมผสานระหว่างเรื่องราวของตัวละครสาว กับภูตผีปีศาจเอาไว้ด้วยกันในชีวิตประจำวัน
    จุดเด่นของผู้แต่ง Nisio Isin คือ การเล่าเรื่องพรรณนาไปชนิดที่ว่าน้ำไหลไฟดับกันเลยทีเดียว เพราะบ่อยครั้งเป็นการคุยระหว่างตัวละครที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง และเล่นคำภาษาญี่ปุ่นค่อนข้างบ่อยครั้ง แต่ยังคงความน่าติดตามเอาไว้เสมอ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเรื่องที่เขาเป็นคนแต่ง
    เรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงให้เป็นแบบอนิเมะโดยบริษัท SHAFT ซึ่งในช่วงนั้น ถือว่ายังเป็นบริษัทที่ไม่ค่อยมีผลงานเด่นมากนัก ออกจะแนว Cult (ประมาณว่ามีแฟนเฉพาะกลุ่มที่ชอบในตัวบุคคลมากกว่าผลงาน) คือ คนชื่นชอบในความอาร์ตของตัวผู้กำกับชินโบที่มีสไตล์เฉพาะตัว เช่น การใช้แสงสีทีไม่เหมือนเรื่องอื่น, การใช้องค์ประกอบภาพที่ขัดกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน, การเล่าภาพย้อนแสง, บ้างก็ผสมภาพวัตถุจริงในแอนิเมชั่น หรือแม้แต่หน้าคนจริงๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเลย แต่ในอีกมุมก็ทำให้มีคนไม่ชอบสไตล์ชินโบ เนื่องจากมองว่าเป็นอะไรที่หลุดโลกไปหน่อยสำหรับโลกแอนิเมชั่น ผลงานที่ประสบความสำเร็จสุดของ SHAFT ในช่วงก่อนปี 2009 คือ ซีรีส์ Negima ที่ดัดแปลงจนต่างจากต้นฉบับไปมาก แต่หลายคนก็ยังมองว่าดังเพราะกลุ่มแฟนจากภาคหนังสือยอมซื้อเท่านั้น
    ถ้าให้วิจารณ์ตรงๆ ฉบับนิยายของ Bakemonogatari ก็ไม่ได้มีเนื้อหาที่ซับซ้อนเป็นพิเศษ นอกจากตัวละครที่โดดเด่น แต่การจับคู่ระหว่างวิธีเขียนแบบ Nisio Isin กับความอาร์ตของผู้กำกับชินโบ ก็ทำให้เกิดการผสมผสานที่ลงตัวอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะในด้านการเสริมช่องว่างระหว่างตอนคุยด้วยสไตล์ภาพแบบชินโบ ทำให้เรื่องน่าติดตามยิ่งขึ้น
แม้ว่าระหว่างที่ฉายตัวอนิเมะ Bakemonotari จะถูกวิจารณ์ในหลายๆ ด้านในญี่ปุ่น ทั้งแง่บวกและลบ (โดยเฉพาะการเผาภาพในภาค TV ก่อนจะแก้ไขในภายหลัง) แต่ถือเป็นโชคดีด้วยที่ในช่วงนั้นเกิดปัจจัยหลายๆ อย่างที่ช่วยผลักดันให้ Bakemonogatari กลายเป็นเรื่องไร้คู่แข่งในขณะนั้น ตัวอย่างเช่น
    1. ความผิดพลาดของค่ายที่กำลังรุ่งแบบ Kyoto Animation อย่างเรือง Suzumiya Haruhi no Yuutsu ที่ใช้ตอน Endless Eight ฉายตอนที่เนื้อหาคล้ายกันถึง 8 ตอน (ตอนฉายไม่ระบุด้วยว่าจะทำกี่รอบ) ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง
    2. ช่วงที่เรื่องขายตัวละครแบบไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ที่โดนพาดพิงหนักก็อย่างเรื่อง  K-ON! (ภาคแรก) ที่ฉายจบไปไม่นานและยังไม่ได้รับความนิยมเท่าปัจจุบัน ทำให้เกิดการเปรียบเทียบด้านเนื้อหา
    ในช่วงนั้นยังไม่มีเรื่องอื่นเป็นคู่แข่งเรื่องอื่น ประกอบกับด้านกลยุทธ์ด้านการตลาดของทาง SHAFT ในช่วงนั้นเอง ช่วยผลักดันให้ Bakemonogatari กลายเป็นเรื่องที่รู้จักกันในช่วงปีนั้น ขายแผ่นได้ถล่มทลายประมาณ 8 หมื่นแผ่นในปีนั้น (วัดจากยอดแผ่นแรก) แล้วยังมีการออก Box Set ในปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งขายได้เพิ่มอีกประมาณ 3 หมื่นชุด ถือว่าเป็นเรื่องประสบความสำเร็จสูงสุดของอนิเมะที่ฉายทาง TV รอบดึกกันเลยทีเดียว และได้รับความนิยมกันในหลายประเทศ
    เมื่อบวกกับความสำเร็จครั้งใหญ่อีกครั้งของเรื่อง Mahou Shoujo Madoka Magica ในช่วงต้นปี 2554 ที่ผ่านมา ทำให้กลายเป็นยุครุ่งเรืองของค่าย SHAFT ในช่วง 2 – 3 ปีนี้
ลำดับเรื่องราวของซีรีส์ Monogatari ที่ทำอนิเมะไปแล้ว
1. Bakemonogatari (ปกรณัมของเหล่าภูต)
    เรื่องราวของอารารากิ คิโยมิ ที่เคยถูกแวมไพร์กัด ทำให้เขามีคุณสมบัติบางอย่างที่เหนือกว่าคนปกติ เขาต้องมาข้องเกี่ยวกับเรื่องราวของสาวๆ รอบตัวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติ และพยายามช่วยเหลือพวกเธอ โดยได้รับการช่วยเหลือจาก โอชิโนะ เมเมะ ผู้ชำนาญเรื่องเหนือธรรมชาติที่เคยช่วยเหลือเขามาก่อน
    นิยายจำนวน 2 เล่ม แบ่งเนื้อหาออกเป็น 5 บท ตามตัวละครหลักทั้ง 5 คือ Hitagi Crab, Mayoi Snail, Tsuruga Monkey, Nadeko Snake และ Tsubasa Cat โดยอนิเมะทางทีวีฉายจบใน 12 ตอน แต่มีตอนพิเศษเสริมอีก 3 ตอน ฉายทางอินเตอร์เน็ต เพื่อให้จบบท Tsubasa Cat โดยสมบูรณ์
2. Kizumonogatari
    เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาหลัง Bakemonogatari แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนภาคแรก เป็นเหตุการณ์ก่อนที่คิโยมิจะถูกทำให้กลายเป็นแวมไพร์ โดยเรื่องจะโฟกัสไปที่คิสช็อต (ชิโนบุ) แวมไพร์สายเลือดแท้ และโอชิโนะ เมเมะ หมอผีที่ช่วยเหลืออารารากิเป็นครั้งแรก
    มีกำหนดฉายในภาคอนิเมะในโรงภาพยนตร์ญี่ปุ่นภายในปีนี้
3. Nisemonogatari (เรื่องเล่าจอมปลอม)
    เรื่องราวต่อเนื่องจาก Bakemonogatari ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครหลักเดิม โดยเนื้อเรื่องจะไปกล่าวถึงน้องสาวทั้งสองของอารารากิที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราว โดยธีมเรื่องจะเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นแทนที่ของจริง ไม่ว่าจะความสัมพันธ์, คำสาป หรือแม้แต่ตัวน้องสาวของเขาเอง แน่นอนว่าของปลอมไม่มีทางที่จะมาแทนที่ของจริงได้โดยสมบูรณ์
    นิยายจำนวน 2 เล่ม แบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 บท คือ Karen Bee และ Tsukihi Phoenix กำลังฉายทางญี่ปุ่น กำหนด 11 ตอนจบ
    หมายเหตุ : เรื่องที่แต่งโดย Nisio Isin อีกเรื่องที่ทำอนิเมะแล้ว คือ Katanagatari (Sword Story)เป็นแบบ TV Anime ความยาวตอนละประมาณ 1 ชั่วโมง จำนวน 12 ตอนจบ ผลิตโดยบริษัท White Fox(ผลงานเก่า คือ Steins;GateTears to Tiara)
    อีกเรื่องที่เป็นฉบับหนังสือการ์ตูนแล้วกำลังจะทำอนิเมะในเดือนเมษายนนี้ คือ Medaka Box การ์ตูนในนิตยสารโชเน็นจัมป์ของญี่ปุ่น ผลิตอนิเมะโดยบริษัท Gainax (Evangelion, Gurren Lagaan ฯลฯ)
    เพิ่มเติม : เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ผู้กำกับชินโบยังประกาศที่จะทำเรื่องของ Nisio Isin ต่ออีก 6 เรื่อง แต่ไม่ได้รับการยืนยันว่าจะเป็นซีรีส์ Monogatari ที่เหลือทั้งหมดหรือไม่ ? แต่นอกจากงานเขียนแล้ว ชินโบก็ต้องการงานประเภท Original จาก Nisio Isin อยู่ด้วย
ภาคอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ประกาศทำอนิเมะ
    Nekomonogatari (Black / White) [บท Tsubasa Familiar และ Tsubasa Tiger]
    Kabukimonogatari [บท Mayoi Kyonshi]
    Hanamonogatari [บท Tsuruga Devil]
    Otorimonogatari [บท Nadeko Medusa]
    Onimonogatari [บท Shinobu Time]
    Koimonogatari [บท Hitagi End]

บทเรื่องราวเสริมของนักขับไล่ปีศาจ เมเมะ
    Tsukimonogatari [บท Yotsugi Doll]
    Owarimonogatari [บท Ougi Dark]
    Zokuowarimonogatari [บท Koyomi Book]

เนื้อเรื่องย่อและตัวละครหลักในภาค Bakemonogatari 
เซ็นโจวกาฮาระ ฮิตากิ - บท Hitagi Crab (ปู)
    สาวที่เรียนห้องเดียวกับคิโยมิที่ไม่ค่อยได้คุยกันมาก เมื่อคิโยมิได้ช่วยเธอจากการสะดุดตกบันได ก็พบว่าร่างของเธอไร้น้ำหนัก ต่างจากคนปกติ ถึงฮิตากิจะข่มขู่และทำร้ายตัวเขาด้วยอุปกรณ์เครื่องเขียน แต่คิโยมิได้แสดงความสามารถที่เป็นแวมไพร์รักษาบาดแผล และเสนอที่จะช่วยเหลือเธอ เมื่อพาไปหา เมเมะ จึงรู้ว่าเธอถูกเล่นงานโดยเทพเจ้าปู ที่ชิงน้ำหนักเธอไปโดยไม่ได้เลือกเป้าหมาย แต่เหตุผลที่ "น้ำหนัก" หายไป กลับมีมากกว่านั้น เมื่อรู้ว่าเพราะเหตุใด จึงสามารถแก้ไขได้ในที่สุด
    หลังจากนั้น ฮิตากิจึงเริ่มสนิทกับเขา ตัวฮิตากิ ค่อนข้างเป็นคนเข้มงวด, จริงจัง, หัวไว และชอบบอกคิโยมิว่าตัวเองเป็นสาวแนวซึนเดเระ (แม้ท่าทีจะออกไปทาง ยันเดเระก็เถอะ)
ฮาชิคุจิ มาโยอิ - บท Mayoi Snail (หอย)
     คิโยมิทะเลาะกับน้องสาวในช่วงเช้า ระหว่างที่ออกมาพักที่สวนสาธารณะและได้คุยกับฮิตากิสักพัก ก็พบเด็กชั้นประถมสะพายกระเป๋าใบใหญ่ กำลังแสดงท่าทางเหมือนคนหลงทาง เมื่อได้คุยจึงรู้ว่าเธอชอบต่อปากต่อคำกับคิโยมิ ตัวคิโยมิจึงเสนอ (บังคับ) ที่จะช่วยเหลือนำทางไปส่ง แต่ระหว่างที่พาไปส่งกลับเกิดวนเวียนอยู่ในเมือง ไปไม่ถึงสักที จนทราบจากเมเมะถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คิโยมิไม่สามารถไปส่งเธอให้ถึงเป้าหมายได้ การจะช่วยใครสักคนถ้าไม่ยอมรับว่าตัวเองกำลังหลงทางก็ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้เช่นกัน
คันบาระ สุรุกะ - บท Tsuruga Monkey (ลิง)
    คิโยมิได้รู้จักกับสุรุกะ รุ่นน้องสาวนักกีฬาที่นิสัยเปิดเผย หลงไหลในตัวฮิตากิมานานแล้ว และรู้ถึงปัญหาที่ฮิตากิเคยประสบในเรื่องน้ำหนักที่หายไป แต่หลังจากแก้ปัญหาแล้วทำให้ฮิตากิสนิทกับคิโยมิ ทำให้เธอไม่พอใจอย่างรุนแรง จนไปอ้อนวอนกับ มือวานร ที่สืบทอดกันในตระกูลเพื่อให้สมปรารถนา แต่เจตนาที่ทำให้คิโยมิไปพ้นทาง กลับนำพาให้เธอต้องใช้เส้นทางที่รุนแรงและไม่เลือกวิธี ซึ่งวิธีจะแก้ปัญหานี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับตัวคิโยมิเหมือนกัน
เซ็นโกคุ นาเดโกะ - บท Nadeko Snake (งู)
    ระหว่างที่กำลังทำงานที่เมเมะฝากไว้ คิโยมิได้พบนาเดโกะที่วัดร้างโดยบังเอิญ และซากงูที่ถูกหั่น ซึ่งนาเดโกะ เป็นเด็กชั้นม.ต้น ซึ่งเป็นเพื่อนของน้องสาวของเขาและเคยมาเล่นที่บ้านของคิโยมิ เมื่อลองสอบถามจึงได้รู้ว่าเธอกำลังประสบปัญหากับร่องรอยงูบนร่าง จึงทราบว่ามาจากคำสาปของเพื่อนร่วมชั้นที่เธอปฏิเสธคำสารภาพรักไป และพิธีแก้คำสาปก็ทำอย่างผิดขั้นตอน ทำให้ต้องแก้ปัญหาคำสาปนั้น แต่การสาปใครสัก 1 คนจะสร้างผู้โดนสาป 2 คนเสมอ คิโยมิจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร
ฮาเนกาวะ สึบาสะ - บท Tsubasa Cat (แมว)
    สึบาสะเป็นสาวที่ปรากฏตัวมาตั้งแต่ต้นเรื่องในฐานะหัวหน้าชั้นของฮิตากิ เป็นคนฉลาด และเคยรู้จักกันก่อนหน้านี้ เป็นคนที่ฉลาดเฉลียว ถึงจะเคยพูดคุยกันหลายครั้งในหลายบทที่ผ่านมา แต่เธอกลับมีเบื้องหลังที่ไม่ลงรอยกับครอบครัวปัจจุบันของเธอนัก ความเครียดที่สะสมทำให้เกิดวิญญาณแมวสีขาวเข้าสิงและกลายเป็นอีกบุคลิกหนึ่งของเธอ เธอเคยอาละวาดดูดพลังชีวิตคนมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ถูกสะกดโดยการดูดพลังด้วยชิโนบุไว้แล้ว
    แต่ในครั้งนี้ ความเครียดได้กลับมาสู่สึบาสะอีกครั้ง โดย เมเมะ ออกเดินทางไปจากเมืองโดยไม่ร่ำลา และชิโนบุ หายสาบสูญโดยไม่มีใครรู้ แล้วเขาจะทำให้เธอกลับคืนสภาพเดิมได้อย่างไร
    ผ่านไปถึงภาค Nisemonogatari ตัวละครหลักมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตัวละครไปเล็กน้อยและมีการเพิ่มน้องสาวของคิโยมิอีก 2 คนให้มีบทบาทมากยิ่งขึ้น
     สำหรับอนิเมะแบบลิขสิทธิ์ในไทย บริษัท DEX มีกำหนดวางขาย Bakemonogatari Vol.1 (ปกรณัมของเหล่าภูต) และ Katanagatari Vol.1 (ตำนานรักดาบเทวะ) ซึ่งเป็นผลงานของ Nisio Isin ทั้งคู่ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก : Wikipedia, Pantip, Dexclub

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น